วิธีแก้ปัญหา Disk 100% ใน Windows 10 , Windows 11 แบบได้ผล 100% ชัวร์

เชื่อว่าหลายคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเก่าแล้วทำการอัพเกรด Windows มาเป็น Windows 10 หรือ Windows 11 ก็ตาม น่าจะต้องเจอปัญหา Disk 100% กันนะครับ ผมเองก็เจอกับตัว และหาสารพัดวิธีแก้ไข สุดท้ายก็แก้มันจนได้ครับ ไปดูกัน


ใช้คำสั่ง Check เพื่อค้นหาข้อผิดพลาด

การตรวจสอบไดร์ฟ ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีเครื่องมือสำหรับงานนี้เตรียมไว้ให้เราใช้งานแล้วโดยสามารถเรียกใช้งานได้โดยการไปที่ "This PC" คลิกขวาที่ "ไดร์ฟ C:" แล้วเลือก "เมนู Properties" จากนั้นไปที่ "แท็บ Tools" แล้วคลิก "ปุ่ม Check" เพื่อเริ่มการ "Scan Drive" หาข้อผิดพลาด



อัปเดตระบบป้องกันมัลแวร์

มัลแวร์นอกจากจะสามารถขโมยข้อมูลผู้ใช้ได้แล้ว การที่มันแอบทำงานอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรที่คอมพิวเตอร์ต้องใช้ในการทำงาน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด Disk Usage 100% ได้

สำหรับปัญหานี้ หากเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ที่มีอยู่ใน ระบบปฏิบัติการ Windows สแกนหาไม่เจอ เราขอแนะนำให้ลองใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางอย่างเช่น Malwarebytes Anti-Malware มาช่วยแทน เพื่อนๆ สามารถโหลดได้จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาโดยนำชื่อไปค้นหาได้เลยครับ

หากสแกนแล้วเจอมัลแวร์ ก็จัดการกำจัดมันทิ้ง จากนั้นก็รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ แล้วตรวจสอบว่า Disk Usage ยังเป็น 100% อยู่ไหม หากยังเป็นอยู่ก็ไปข้อต่อไปเลย



ปิดการทำงาน Windows Search

ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีข้อผิดพลาดที่ถูกเรียกว่า "Search Loop" อยู่ หากเกิดขึ้น มันจะทำให้ไดร์ฟต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่าตัว จนเกิด Disk Usage 100% ได้

ถ้าต้องการหยุดมันชั่วคราวในขณะที่ใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่ (มีผลจนกว่าเราจะรีสตาร์ทเครื่อง) ให้เรา "คลิกขวา" ที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)" แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ แล้ว "Enter"


คำสั่ง : net.exe stop "Windows search"


ส่วนการปิดคุณสมบัติ Windows Search แบบถาวร ให้เรากด "ปุ่ม Windows+R" เพื่อเปิด "โปรแกรม Run" ขึ้นมา จากนั้นให้พิมพ์ลงไปว่า "services.msc" แล้วกด "ปุ่ม Enter"

ใน "หน้าต่าง Servies" ให้เรามองหา "Windows Search" ดับเบิลคลิกเข้าไป ตรง "Startup type" เลือกเป็น "Disabled" แล้วก็ "Stop" จากนั้นก็ "คลิก OK" เพื่อบันทึกการตั้งค่า เป็นอันเรียบร้อย





ปิดการทำงานของ SysMain

หนึ่งในคุณสมบัติของ Windows 10 ที่กลายเป็นสาเหตุของอาการ Disk Usage 100% คือ คุณสมบัติที่มีชื่อว่า "Superfetch Service" แต่ปัจจุบัน ตั้งแต่ Windows 10 1809 คุณสมบัตินี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "SysMain"

เราสามารถปิดการทำงานของเซอร์วิส SysMain ด้วยการคลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)" แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้วกดไปที่ "ปุ่ม Enter"

คำสั่ง : net.exe stop sysmain



หลังจากที่มันบอกว่า "The SysMain service was stopped succesfully" แนะนำให้ทำ Check Disk ต่อเลย โดยใส่คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้วกด "ปุ่ม Enter"

คำสั่ง : chkdsk.exe /f /r

เราจะได้รับการแจ้งเตือนว่า คอมพิวเตอร์จะต้องรีบูทใหม่เพื่อให้กระบวนการ Check Disk เสร็จสมบูรณ์




แก้ไขข้อผิดพลาดในเฟิร์มแวร์ของ PCI-Express

ไดร์เวอร์กับระบบปฏิบัติการ Windows 10 เป็นปัญหาโลกแตกจริงๆ จะต้องเจอเรื่อยๆ มีการค้นพบว่าไดร์เวอร์ StorAHCI.sys ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เก็บข้อมูลเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต PCI-Express มีบั๊กที่ทำให้เกิด Disk Usage 100% ได้

ให้เราเข้าไปตรวจสอบว่าโดนบั๊กนี้หรือเปล่าด้วยการคลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "Device Manager" แล้วคลิกที่ "IDE ATA/ATAPI Controllers" เพื่อขยายเมนูออกมา (ถ้าไม่มีเมนูนี้ ข้ามวิธีแก้อันนี้ไปได้เลยครับ เพราะคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ส่วนใหญ่จะไม่ใช้เทคโนโลยีนี้แล้ว)

ถ้ามี "AHCI Controller" ในลิสต์ให้ดับเบิ้ลคลิก ไปที่ "แท็บ Driver" แล้วเลือก "Driver Details"

ภาพจาก https://softwarekeep.com/help-center/how-to-download-standard-sata-ahci-controller-driver-on-windows-10



ถ้าตรง "Driver File" ระบุว่า C:\Windows\system32\DRIVERS\storahci.sys ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า Disk Usage 100% มาจากบั๊กตัวนี้

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/



ปิดหน้าต่าง แล้วกลับไปที่ "แท็บ Details" ตรงช่อง "Property" เลือกเป็น "Device instance path" จากนั้น Copy ข้อความใน "ช่อง Value" เก็บเอาไว้

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/



กด "ปุ่ม Windows+R" เพื่อเปิด "Run" แล้วพิมพ์ลงไปว่า regedit แล้วกด "ปุ่ม Enter" เพื่อเปิด "Registry Editor" ไปที่


HKEY_LOCAL_MACHINE\System\ CurrentControlSet\Enum\PCI\


นำข้อความจาก value ที่เราคัดลอกไว้เมื่อสักครู่มาวางต่อหลังจาก "...Enum\PCI\" (ดูภาพด้านล่างประกอบ)

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/



ในพาเนลฝั่งซ้าย ไปที่ "Device Parameters\Interrupt Management\MessageSignaledInterruptProperties" ในพาเนลฝั่งขวา ให้ดับเบิลคลิกที่ "MSISupported" แล้วเปลี่ยนค่าใน "ช่อง Value" เป็น "0" แล้วคลิก "ปุ่ม OK" เพื่อยืนยัน

เมื่อทำเสร็จแล้วให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ เป็นอันเรียบร้อย

ภาพจาก https://thewindowszone.com/windows-10-100-disk-usage-in-task-manager-solved/



อัปเดตไดร์เวอร์ SATA

ส่วนใหญ่แล้ว คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ก็จะใช้ SATA ในการเชื่อมต่อกับ SSD, HDD หรือ Optical Drive หาก ไดร์เวอร์ (Driver) ที่เป็นเวอร์ชันเก่า ก็มีโอกาสที่มันจะเป็นสาเหตุของ Disk Usage 100% ได้

การอัปเดตไดร์เวอร์ SATA ให้คลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "Device Manager" คลิกตรง "Storage controllers" แล้วคลิกขวาเลือก "Update Driver"

ภาพจาก https://tips.thaiware.com/upload_misc/tips/2021_05/728/1012_2105141323460T_14.gif



ปิดคุณสมบัติ Diagnostic Tracking

คุณสมบัติ Diagnostic Tracking มีหน้าที่ติดตามการวินิจฉัยสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบปฏิบัติการ Windows 10 แต่ก็พบว่ามันเป็นสาเหตุของปัญหา Disk Usage 100% ได้ด้วย นอกจากนี้ หากมองเรื่องความเป็นส่วนตัวเราก็ควรจะปิดการทำงานของมัน

โดยให้เราคลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)" แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไปครับ

คำสั่ง : 
sc config "DiagTrack" start= disabled
sc stop "DiagTrack"

ภาพจาก https://www.makeuseof.com/tips-fix-100-disk-usage-improve-windows-performance/#10-disable-diagnostic-tracking-in-windows-10




ปิดคุณสมบัติการทำ Disk Defragment อัตโนมัติ

ปัญหานี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับเครื่องที่ใช้ระบบเก็บความจำแบบ HDD (ผู้ใช้งานหน่วยความจำแบบ SSD ไม่ค่อยเจอ) โดยระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะมีระบบจัดเรียงไฟล์ในฮาร์ดดิสก์ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งมันมักจะแอบทำงานอยู่เบื้องหลังแบบเราไม่รู้ตัว วิธีแก้ก็ไม่ยากให้เราไปปิด Disk Defragment อาการดังกล่าวก็จะหายไป

ขั้นตอนการปิด Disk Defragment
  • ไปที่ "This PC" คลิกขวาที่ "ไดร์ฟ (C:\)" แล้วเลือก "Properties"
  • คลิกไปที่ "แท็บ Tools" ตรงเมนูที่เขียนว่า "Optimize and Defragment Drive" คลิกไปที่ "ปุ่ม Optimize"
  • ในหน้าต่าง Optimize Drives ให้เรา คลิกไปที่ "ปุ่ม Change Settings"
  • ติ๊กถูกตรงช่อง "Run on a schedule (Recommended)" ออก แล้วคลิก "ปุ่ม OK" (หรือจะตั้งให้เป็นเดือนละครั้งก็ได้ ถ้ายังต้องการให้ทำงานอยู่)
  • คลิกที่ "ปุ่ม Close" เพื่อปิด "หน้าต่าง Optimize Drive"
  • คลิกที่ "ปุ่ม OK" เพื่อปิด "หน้าต่าง Properties" เป็นอันเสร็จสิ้น

หากต้องการสั่ง Defrag ไดร์ฟด้วยตนเอง ในขั้นตอนที่ 3. ให้เลือกไดร์ฟที่ต้องการเรียงไฟล์จากด้านบน แล้วคลิกที่ "ปุ่ม Optimize"

สำหรับขั้นตอนทั้งหมดที่ผ่านมา หากท่านใดที่เจอปัญหาแล้วยังไม่สามารถแก้ไขได้ ผมขอแนะนำขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งผมได้ใช้แก้ปัญหาให้กับกลุ่มเพื่อนๆ และคนรู้จักของผม และมันได้ผล 100% ครับ ย้ำอีกครั้งว่ากลุ่มเพื่อนผมนะครับ ดังนั้นไม่การันตีกับเครื่องผู้อ่านนะครับ ฮ่าๆๆๆ

สำหรับท่านที่ใช้หน่วยเก็บข้อมูลแบบ HDD ให้ท่านเปลี่ยนเป็น SSD ครับ อาการ Disk 100% หายแน่นอนครับ เป็นวิธีที่ใช้เงินแก้ปัญหาครับ ฮ่าๆๆๆๆ






ที่มาของข้อมูล https://tips.thaiware.com/1012.html#how-to-check-disk-usage-on-windows-10

ความคิดเห็น